รีวิวเที่ยวเกาหลี : สวนดอกหญ้า Seoul Forest, ถนนช้อปปิ้งกาโรซูกิล และวัดพระใหญ่พงอึนซา
ทริปเกาหลีใต้ 11 วัน (21 – 31 Oct 2015) นั่งเครื่อง AirAsia X จากสนามบินดอนเมืองลงที่กรุงโซล ถึงตอนประมาณ 11 โมง (ตามเวลาปกติต้องถึงตอน 9 โมงเช้า แต่เครื่อง Delay เกือบ 2 ชั่วโมง)
พอมาถึงก็ใกล้เที่ยงแล้วเลยกินข้าวกันที่สนามบินเลย ที่กินจะเป็นเหมือนฟู๊ดคอร์ด ปกติเราจะซื้อบัตรตรงเคาเตอร์แล้วเดินไปจ่ายที่ร้านอาหาร แต่ที่เกาหลีเขาจะให้เลือกอาหารแล้วก็จ่ายเงินตรงเคาเตอร์เลย พอจ่ายเสร็จจะได้บัตรคิวรออาหารมา พอถึงคิวเราก็เอาบัตรนั้นเดินไปรับอาหารของแต่ละร้าน อร่อยเกือบทุกอย่างเลย โดยเฉพาะข้าวยำเกาหลีบิบิมบับ
ก่อนที่จะไปโซลก็ไปซื้อบัตร T-Money ที่ร้าน G25 ไว้ก่อนเลย ค่าบัตร 2,500 วอน และก็เติมเงินอีก 10,000 วอน บัตรนี้ใช้ขึ้นรถไฟ, รถไฟใต้ดิน, รถบัสได้ หรือจะใช้ซื้อของก็ได้อีกด้วย แนะนำให้ซื้อไว้นะคะ สะดวกดี ไม่ต้องคอยไปต่อคิวซื้อบัตรที่ละรอบ
อีกอย่างหนึ่งที่ขนาดไม่ได้เลย นั่นก็คือ Internet ตอนแรกว่าจะเช่าไปจากเมืองไทยเลย แต่เห็นเขาบอกกันว่าสัญญาณจะไม่ค่อยดี มีคนแนะนำให้ใช้ของ LG U+ จริงๆแล้วถ้าเที่ยวแค่ในโซลจะเช่าไปจากไทยเลยก็ได้ สะดวกดีเหมือนกัน ไม่ต้องเสียเวลาไปหาตอนลงเครื่อง แต่ว่าทริปปนี้จะออกต่างจังหวัดซะเป็นส่วนใหญ่ แล้วก็จะไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติ เลยคิดว่าเอาที่ใช้งานได้ทั่วประเทศเลยน่าจะดีกว่า ไม่ต้องกลัวสัญญาณหาย หลังจากใช้ดูแล้วก็คอนเฟิร์มว่าสัญญาณค่อนข้างดี มีเน็ตเกือบทุกที่ที่ไปเลย ออกไปนอกเมือง, บนภูเขา, ต่างจังหวัดก็มีสัญญาณตลอด แต่ข้อเสียก็มีเหมือนกันคือแบตหมดไวมากจริงๆ ต้องใช้ Power Bank ชาร์ตอยู่เรื่อยๆ ของค่ายนี้เขาจะแยกค่าเช่าเครื่องกับค่าใช้เน็ตต่อวัน ค่าเช่าเครื่อง 3,000 วอน/วัน , ค่าใช้อินเตอร์เน็ต 4G 5,000 วอน/วัน (ตั้งแต่วันที่ 5 จะไม่คิดค่าเช่าเครื่อง) อย่างทริปนี้ไป 11 วัน ก็ประมาณ 67,000 วอน (4*8,000)+(7*5000)
ตรงใกล้ๆกับที่เช่า Pocket Wifi จะมี Tourist Information Center ให้ขอแผนที่โซล, แผนที่รถใต้ดินหรือข้อมูลที่เที่ยวต่างๆจากที่นั่นได้เลย มีเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษค่ะ
จากนั้นต่อรถไฟแบบด่วนพิเศษ Express train ไม่จอดแวะระหว่างทาง นั่งรวดเดียวไปลงที่ Seoul Station เลย ถ้ามาหลายๆคน ตอนซื้อตั๋วให้แจ้งพนักงานด้วยว่ามากี่คนเผื่อจะได้ส่วนลด ทริปนี้ไปกัน 5 คน พนักงานเขาแนะนำให้ซื้อแบบเป็นกรุ๊ปเลยจะได้ส่วนลด ตกคนละ 6,000 วอน ใช้เวลานั่งไปประมาณ 40 นาที
ตอนซื้อเสร็จก็ไม่ได้ดูอะไรเลย เดินตรงดิ่งไปขึ้นรถไฟตู้แรกเลย เก็บกระเป๋านั่งกันเรียบร้อย ปรากฎว่านั่งผิดที่จ้า พอดีมีคนไทย 2 คนเดินมากำลังหาที่นั่งพอดีเลยถามเขา เขาบอกว่าที่นั่งอยู่ที่ใบเสร็จ ในใบเสร็จจะมีบอกเวลาที่รถไฟออก, หมายเลขตู้รถไฟ และเลขที่นั่งกำหนดเอาไว้แล้ว เวลาขึ้นรถไฟก็ดูให้ตรงกับหมายเลขที่เราได้ ตรงส่วนหัวหรือท้ายก็แต่ละตู้จะมีพื้นที่วางกระเป๋าไว้ให้ ก็ให้เอากระเป๋าเดินทางไปเก็บไว้ตรงนั้นก่อนแล้วค่อยเดินมานั่ง
พอถึง Seoul Station ก็เดินเอากระเป๋าไปเก็บที่พักก่อน เพราะอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ ประมาณ 200-300 เมตรเท่านั้นเอง วันนี้นอนที่ SS Guesthouse เป็นที่พักเล็กๆ คล้ายกับอพาร์ทเม้น ไม่มีลิฟท์ค่ะ ตอนจองก็เมล์ไปแจ้งเขาไว้ว่าขอเป็นห้องชั้น 2 นะ เพราะมีผู้ใหญ่มาด้วย เดี๋ยวจะเดินขึ้นลำบากเพราะต้องแบกกระเป๋าขึ้นไปด้วย เขาก็จัดห้องให้ตามที่ขอไปค่ะ จากนั้นก็ไปเที่ยวที่แรกกันเลย
ที่แรกที่ไปก็คือ Seoul Forest เป็นสวนสาธารณะอยู่ใกล้กับย่านกังนัม ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีแล้วแต่ยังไม่เต็มที่ ทริปนี้ต้องการมาดูใบไม้เปลี่ยนสีโดยเฉพาะ ที่เที่ยวส่วนใหญ่จะเน้นธรรมชาติ ไม่ค่อยได้เน้นที่ช้อปปิ้งซะเท่าไหร่
เข้าชมฟรี
วิธีการเดินทาง
1) รถไฟใต้ดินสาย Bundang Line สถานี Seoul Forest Station ทางออก 3 เดินไปประมาณ 5 นาที
2) รถไฟใต้ดินสาย 2 สถานี Ttukseom Station ทางออก 8 เดินไปประมาณ 15 นาที
มาถึงแล้ว Seoul Forest เป็นสวนที่เหมือนอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำฮัน ด้านในแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ โซนแรกที่ไปคือ สวน Marsh Plants Garden จะมีทางเดินสำรวจธรรมชาติกลางน้ำ รอบๆทางเดินจะเป็นพันธุ์ไม้และต้นหญ้าขึ้นอยู่ และยังเป็นแหล่งดูนกอีก ด้วย ตอนที่เป็นเห็นมีนักเรียนประถมเหมือนมาเดินทัศนศึกษาเป็นกลุ่ม วิ่งๆไปวิ่งๆมา เต็มไปหมด
ระหว่างทางเดินไป Waterside Rest Area จะเห็นแนวต้นแป๊ะก๊วยที่ปลูกเรียงกันอยู่ ตอนนี้ใบเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสวยมาก ทางเดินไปบางช่วงเหมือนเป็นอุโมงค์ต้นแป๊ะก๊วยเลย
เดินมาเรื่อยๆก็จะมาถึงโซน Waterside Rest Area เป็นสะพานข้ามบึงน้ำขนาดใหญ่ ในน้ำมีปลาอยู่เยอะพอสมควร ผู้คนนิยมมานั่งเล่นพักผ่อน บางคนก็เอาข้าวมานั่งปิคนิคกันบริเวณนี้
ทางออกจากสวน Seoul Forest มีสะพานข้ามบึงน้ำ ด้านล่างน้ำแห้งเกือบหมดแล้ว อาจจะเป็นเพราะกำลังเข้าสู่หน้าหนาว แต่นอกจากบึงน้ำแล้ว ด้านล่างยังมีสวนกวางแบมบี้ด้วย กวางที่มีลายจุดสีขาว วิ่งเล่นกันอยู่ในสวน
เดินเล่นกันต่อที่ถนนกาโรซูกิล (Garosu-gil) เส้นช้อปปิ้ง เขาว่ากันว่าเป็นถนนสายโรแมนติค ตอนที่ไปถึงสองข้างทางต้นแป๊ะก๊วยเปลี่ยนเป็นสีเหลือง แต่ว่ามืดแล้วเลยไม่ได้ถ่ายรูปมา มีร้านค้าเต็มสองฝั่งถนน โดยเฉพาะร้านเสื้อผ้าแฟชั่นที่แต่งร้านกันน่ารักๆทั้งนั้นเลย
วิธีการเดินทาง นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 3 ลงที่สถานีชินซา (Sinsa Station) ทางออก 8 > จากนั้นเดินตรงไปประมาณ 250 เมตร ก็จะเป็นถนนช้อปปิ้งชินซาดงอยู่ทางซ้ายมือ
เดินมาจนเย็นก็เริ่มเหนื่อยกันแล้ว เลยแวะพักดื่มน้ำ ดื่มกาแฟกันที่ร้านคาเฟ่ซะหน่อย ร้านอยู่บนชั้น 2 มีทั้งส่วนด้านในและ Outdoor ส่วนมากเวลาถึงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีคนเกาหลีจะนิยมมานั่งด้านนอกที่ทำเหมือนเป็นระเบียงยื่นออกไป ก็จะมองเห็นต้นแป๊ะก๊วยสีเหลืองอยู่ใกล้ๆ ได้บรรยากาศสุดๆ
แล้วก็ไปเที่ยวต่อที่วัดพงอึนซา (Bongeunsa Temple) ที่สุดท้ายของวันนี้ มีพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่มาก ด้านหลังพระจะเป็นเนินเขา สามารถเดินขึ้นไปถ่ายรูปได้ มุมเดียวกันกับในรูปนี้เลย วัดนี้เปิดตั้งแต่กลางวันถึงกลางคืนเลย แต่ตอนกลางคืนนั้นศาลาวัดจะปิดแล้ว ไม่สามารถเข้าไปได้
เข้าชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด 3:00 – 22:00
การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 9 ลงที่สถานี Bongeunsa Temple Station (ทางออก 1) > จากนั้นเดินตรงไปประมาณ 150 เมตร ก็จะถึงวัดบงอึงซา
จากนั้นก็เข้าเมืองหาข้าวเย็นกิน มาจบลงที่ร้านนี้ เป็นอาหารเซ็ท ที่สั่งมาจะมีมาม่าเกาหลี, ชุดปลาหมึกผัดซอสเกาหลี และก็บิบิมบัม กินเสร็จก็กลับที่พัก เตรียมตัวสำหรับเที่ยวเกาะนามิในวันพรุ่งนี้กันต่อ